Zoom Lens
ในการถ่ายภาพแต่ละภาพนั้นวัตถุที่เราจะถ่ายมักมีขนาดที่แตกต่างกันใหญ่บ้างเล็กบ้างเพื่อบันทึกลงบนแผ่นฟิล์มขนาดเดียวกัน
บางครั้งเราต้องถ่ายเน้นเฉพาะจุดที่น่าสนใจเช่นถ่ายภาพนางแบบกับธรรมชาติ
บางภาพก็ต้องการเก็บรายละเอียดของภาพให้มากที่สุดเช่นการถ่ายภาพวิวส์
เลนส์ไวด์นั้นเก็บภาพได้กว้างกว่าภาพวัตถุที่ได้ก็จะมีขนาดเล็กลงอย่างเดียว
เลนส์เทเลก็ขยายให้ภาพใหญ่ได้อย่างเดียว
ดังนั้นการที่เราจะถ่ายภาพให้ได้ทุกสถานการณ์
ช่างภาพจะต้องเตรียมเลนส์ไปหลายขนาดเพื่อให้ครอบคลุมการถ่ายภาพวัตถุในทุกขนาด
เพื่อความสะดวกต่อการใช้งานทางบริษัทผู้ผลิตเลนส์ได้ผลิตเลนส์ที่สามารถปรับเปลี่ยนความยาวโฟกัสหลายขนาดมาให้เราได้ใช้กัน
มันคือ Zoom Lens
เรามักจะได้ยินคำว่าการซูมภาพมันคือจากคำว่า
Zoom นี่เอง ซูมถูกผลิตออกมามากมายหลายขนาดเพื่อให้สะดวกต่อการใช้งานเช่น
Zoom 28-105 mm F3.5-4.5
ความหมายคือ
เลนส์ตัวนี้มีความยาวโฟกัสสั้นสุดที่
28 มม.ซึ่งเป็นช่วงของเลนส์ไวด์เหมาะสำหรับการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์,
ความยาวโฟกัสยาวสุดคือ
105 มม.
ซึ่งเป็นช่วงของเลนส์เทเล
เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคลและภาพที่ต้องการขนาดวัตถุใหญ่
ระยะระหว่าง 28 ถึง 105 มม.
เราสามารถเปลี่ยนความยาวโฟกัสได้ทุกขนาดที่เราต้องการเช่น
32 มม, 40 มม, 90มม, 100มม และ 50 มม.ซึ่งเป็นช่วงของความยาวโฟกัสมาตรฐาน
การซูมหรือการปรับเปลี่ยนความยาวโฟกัสทำโดยการดึงกระบอกเลนส์เข้าหาตัว
หรือการดันกระบอกเลนส์ออกจากตัว
หรือการหมุนวงแหวนเพื่อเปลี่ยนขนาดความยาวโฟกัส
จะปรับโดยวิธีใดขึ้นอยู่กับการออกแบบของแต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นที่ออกแบบมาไม่เหมือนกัน
เราซึ่งเป็นผู้ซื้อจะต้องเป็นผู้เลือกว่าสะดวกต่อการใช้งานแบบไหน
แล้วก็เลือกเลนส์ที่เราคิดว่าถนัดที่สุด
ตัวเลข
F3.5-4.5 คือ ความไวแสงของเลนส์
หรือขนาดหน้ากล้องกว้างสุดของเลนส์
ที่ความยาวโฟกัสสั้นที่สุด
28 มม.
มีความไวแสงหรือหน้ากล้องกว้างสุดที่
F3.5 ,ที่ความยาวโฟกัสยาวสุดที่
105 มม. ความไวแสงคือ F4.5 (
ความไวแสงลดลง )
สาเหตุที่ความไวแสงลดลงทั้งๆ
ที่มีขนาดช่องรูรับแสงอันเดียวกันขนาดเดียวกัน
ทั้งนี้ก็เพราะว่าเมื่อความยาวโฟกัสเพิ่มมากขึ้นทำให้ระยะห่างของเลนส์มีมากขึ้น
แสงเดินทางผ่านกระบอกเลนส์ที่ยาวขึ้นจึงเกิดการสูญเสียความสว่างไป
เหมือนกับที่เราส่องไฟฉายหาเหรียญบาทบนพื้นย่อมสว่างกว่าการส่องหานกบนยอดไม้สูง
ทั้งๆ
ที่ไฟฉายอันเดียวกัน
ซูมถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายบนพื้นฐานของคุณภาพที่พอใช้งานได้แต่ไม่อาจจะเทียบได้กับเลนส์ที่มีความยาวโฟกัสเดียว
เช่น 28 มม, 35 มม, 105 มม.
การปรับทางยาวโฟกัสแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อออกแบบไม่เหมือนกันบางรุ่นดึงบางรุ่นดันบางรุ่นหมุนทวนเข็มบางรุ่นหมุนตามเข็ม
ขึ้นแต่ละยี่ห้อ
การปรับความชัดของภาพก็เช่นเดียวกันยี่ห้อหนึ่งหมุนตามเข็ม
อีกยี่ห้อหมุนทวนเข็ม
กล้องยอดนิยมอย่าง Canon
กับ Nikon
ก็หมุนกลับทางกัน
อันนี้เป็นรายละเอียดปลีกย่อยที่ออกแบบมาเพื่อเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง
รักใครชอบใครก็เลือกกันเอง
นอกจากทิศทางการหมุนปรับความชัดแล้ว
จุดต่อของเลนส์ก็ถูกออกแบบมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละยี่ห้อด้วย
เวลาซื้อเลนส์ก็ต้องระบุด้วยว่านำไปสวมเข้ากับกล้องยี่หออะไรหรือเมาท์อะไรเช่น
เมาท์นิคอน เมาท์แคนนอน
เมาท์แพนเทค
แต่ละยี่ห้อก็ต่างกันไปเพื่อดึงลูกค้าที่ใช้กล้องของตนให้ใช้เลนส์ของตนด้วย
ดังนั้นจงอย่าเข้าใจผิดว่าเลนส์ตัวเดียวสามารถใช้ได้กับกล้องทุกยี่ห้อ
หากจะหยิบยืมเลนส์ใครก็ต้องเป็นเลนส์ที่มีเมาท์เดียวกันกับกล้องของเราด้วย
ยืมไม่ดูตาม้าตาเรือเดี๋ยวหน้าแตกเผยไต๋ว่าเราไม่รู้เรื่อง
เลนส์ซูมผลิตออกมามากมายหลายช่วงขนาดให้เราได้เลือกใช้งาน
จนจำกันไม่ไหวว่ามีขนาดไหนกันบ้าง
พอจะสรุปเป็นรุ่นๆ
ตามมาตรฐานที่ผมเข้าใจดังนี้คือ
1.
Wide Angle Zoom
คือซูมที่อยู่ในช่วงความยาวโฟกัสของเลนส์ไวด์
เช่น Zoom 17-35mm, 20-35mm เป็นต้น
2.
Normal Zoom
อ่านชื่อแล้วก็งงๆ
มันคือซูมที่เรายกตำแหน่งให้มันเป็นเลนส์มาตรฐานแทนเลนส์มาตรฐาน
( Normal Lens 50 mm )
ที่มีประโยชน์น้อย
ที่เราให้ตำแหน่งมันเป็นเลนส์ซูมขนาดมาตรฐานที่ควรมีติดกล้องเพราะผู้รู้หลายท่านได้นั่งจับเข่าคุยกันแล้วว่าซูมช่วงนี้มีประโยชน์ต่อการใช้งานมากที่สุด
ผลสรุปได้ความว่าช่วงความยาวโฟกัสคือ
35-70 มม. เหมาะสมที่สุด
แต่ก็มีเสียงแตกอีกว่าน่าจะเป็น
28-80 มม.
ก็เลยสรุปว่าช่วงประมาณนี้ล่ะคือ
Normal Zoom
ที่ถือว่าเหมาะสมกับการใช้งานที่ครอบคลุมการใช้งานกว้างขวางที่สุด
ถ่ายวิวส์ก็ได้โดยใช้ช่วงเลนส์ไวด์
หรือจะซูมให้ใหญ่ขึ้นมาอีก
1.5
เท่าจากขนาดมาตรฐานซึ่งพอที่จะถ่ายภาพให้ได้ภาพใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย
หรือใครจะใช้ช่วง Normal Lens
50 mm. ก็ได้แล้วแต่สะดวก
Normal Zoom
นี้ทางบริษัทผู้ผลิตกล้องได้ติดซูมนี้มากับกล้องที่ขายเป็นชุด
KIT
ที่มีเลนส์พร้อมใช้งาน
กล้อง
Nikon ใช้ Normal Zoom ขนาด 35-70 mm.F3.5-4.5
ขายติดมากับกล้อง FE10, FM10
ส่วนรุ่นอื่นที่สเปคสูงๆ
จะขายเฉพาะ Body
กล้อง
Canon ใช้ขนาด 28-80 mm.F3.5-4.5
ติดมากับกล้อง EOS88, EOS888,
EOS500n, EOS300 ส่วนรุ่นอื่นที่สเปคสูงๆ
จะขายเฉพาะ Body
ส่วนยี่ห้ออื่นๆ
ก็ใช้ซ้ำๆ
กันอยู่ระหว่าง 35-70 และ
38-80 เหมือนกันครับ
ใครจะใช้อะไร
ชอบใจยี่ห้อใดหาข้อมูลเพิ่มเองครับ
เลนส์ซูมมาตรฐานที่ติดมากับกล้อง
เป็นเลนส์รุ่นประหยัดเพื่อลดต้นทุนในการผลิต
เลนส์ที่ขายเป็นตัวๆ
ใช้ชิ้นเลนส์ที่เป็นแก้วทั้งหมด
แต่เลนส์แถมมาจะใช้ชิ้นเลนส์พลาสติกหรืออาจจะมีชิ้นแก้วปนบ้างแล้วแต่เทคนิคการผลิต
คุณภาพก็มาตรฐานสมกับราคาที่มาตรฐาน
แต่ถ้าหากท่านต้องการเลนส์ช่วงนี้ที่มีคุณภาพสูงก็สามารถเลือกซื้อต่างหากไว้ใช้งาน
Normal Zoom
ที่ผลิตมาขายเป็นตัวๆ
โดยเฉพาะจะทำจากชิ้นเลนส์ที่ดีกว่าคุณภาพดีกว่า
ราคาสูงกว่า
3.
Tele Zoom Zoom
คือซูมที่อยู่ในช่วงความยาวโฟกัสของเลนส์เทเล
เช่น Zoom 80-200 mm, 70-210 mm,100-300 mm,60-300 mm,
200-400 mm เป็นต้น
4.
เลนส์ครอบจักรวาล
คือซูมที่ผลิตออกมาใหม่ที่มีช่วงครอบคลุมทุกช่วงความยาวโฟกัสเช่น
Zoom 24-135 mm, 28-200 mm, 28-300 mm
ต่อไปคงมีช่วง 14-500 mm.
ก็เลยไม่รู้จะเรียกอะไรดี
เอาเป็นว่าเรียกว่า
ซูมครอบจักรวาล
ละกันนะครับ
จะช่วงใดก็แล้วแต่
จะช่วงกว้างอย่างไรก็แล้วแต่
คุณภาพของซูมไม่ได้อยู่ที่ช่วงความยาวโฟกัสที่มากมาย
แต่คุณภาพของเลนส์ซูมอยู่ที่สีสันและความคมชัดของภาพ
คุณภาพของภาพในทุกช่วงซูม
ซูมที่ช่วงความยาวโฟกัสสูงๆ
คุณภาพก็ไม่สูงตาม
ดังนั้นควรเลือกให้ได้
เพราะเราต้องการซื้อซูมไว้ถ่ายภาพ
ไม่ใช่ซื้อเอาไปเป็นกล้องส่องทางไกลที่ยิ่งขยายได้มากเท่าไรยิ่งดี
เลนส์บางรุ่นที่ผลิตออกมาจะมีช่วงถ่ายใกล้มาให้ด้วย
เราเรียกว่า Macro Zoom
ซึ่งอาจจะเป็นช่วงของ
Wide Angle Zoom หรือ Tele Zoom ก็ได้
ระบบมาโครที่ติดมากับซูมจะทำหน้าที่ให้ซูมนั้นเข้าไปถ่ายได้ใกล้กว่าที่เลนส์ทั่วๆ
ไปที่ไม่มีระบบมาโครจะเข้าไปถ่ายได้
แต่ว่าระบบมาโครของเลนส์ซูมไม่สามารถถ่ายภาพได้ใหญ่เหมือนเลนส์มาโครจริงๆ
เลนส์ซูมที่มีระบบมาโครเป็นเลนส์มาโครแบบแก้ขัดเพราะเข้าไปถ่ายได้ใกล้ไม่มากเหมือนอย่างที่เลนส์มาโครตัวจริงทำได้
ภาพที่ได้มาจึงไม่ใหญ่เท่าที่ควร
อัตราส่วนของภาพที่ได้จากเลนส์มาโครจริงๆ
คือ 1:1
หรืออย่างน้อยก็ต้อง 1:2
แต่เลนส์ซูมมาโคร
ทำได้เพียง 1:5 , 1:6 , 1:10
คงจะงงแน่เลย 1:1 คือ
ขนาดจริงของวัตถุที่ถ่าย
: ขนาดของภาพที่ปรากฏบนแผ่นฟิล์ม
เช่น ดอกไม้ใหญ่ 10 มม.
ถ้าถ่ายด้วยเลนส์มาโคร
1:1 ภาพที่ปรากฏบนแผ่นฟิล์มจะมีขนาด
10 มม. ถ้าถ่ายด้วยเลนส์
1:2 ภาพที่ได้จะมีขนาด 5
มม, 1:10 จะได้ภาพ 1 มม.
เป็นต้น
ขอสรุปให้เข้าใจว่ามาโครที่มีมากับเลนส์ซูม
ไม่ใช่เลนส์มาโครอย่างที่เขาพูดถึงกัน
เป็นระบบมาโครที่ช่วยให้เข้าไปถ่ายได้ใกล้ๆ
ได้เท่านั้นเอง
ต้องการรู้เรื่องเลนส์มาโครกรุณาคลิกเข้าไปอ่านที่หัวข้อเลนส์มาโครนะครับ
การเพิ่มกำลังขยายของเลนส์ซูม
เลนส์เทเล ทำได้โดยใส่
Tele Converter
ระหว่างกล้องกับเลนส์
จะทำให้เลนส์มีกำลังขยายเพิ่มขึ้นเท่ากับจำนวนเท่าของการกำลังขยายของ
Tele Converter เช่น 2x
ก็จะขยายเป็น 2
เท่าเช่นเรามีเลนส์ซูม
100-300 มม. เมื่อใส่ 2x
เข้าไปก็จะกลายเป็น 200-600
มม.
แต่ก็จะเสียความสว่างไป
2 stop
|