ทัวร์

ทัวร์

ฝ้า - รา ปัญหาหนักอกนักถ่ายภาพ

 

ฝ้าเป็นอย่างไร...  ฝ้าที่ผิวเลนส์นะไม่ใช่ฝ้าที่หน้าช่างภาพ ฝ้ามีลักษณะเป็นฟิล์มขาวๆ บนผิวเลนส์เมื่อเราลองส่องเลนซ์ดูจะเห็นว่าชิ้นแก้วของเลนส์ไม่ใสปิ๊งเท่าที่ควรคือจะมีฝ้าขาวๆ เคลือบอยู่ถ้าฝ้าเกิดที่ผิวนอกของเลนส์ก็ไม่มีปัญหามากเท่าไรใช้น้ำยาเช็ดเลนส์เช็ดทำความสะอาดก็ออกหมดแล้ว แต่ถ้าเกิดกับผิวด้านในเราไม่สามารถเช็ดได้ ทำให้เลนส์เสียคุณสมบัติทางการถ่ายภาพไป

ฝ้าเกิดขึ้นได้อย่างไร    มีหลายสาเหตุล้วนเกิดจากกรรมวิธีการผลิตเกี่ยวกับสารเคลือบชิ้นเลนส ์จะพบฝ้าเกิดกับเลนส์บางยี่ห้อมากเป็นพิเศษ ส่วนที่เกิดจากการใช้งานค่อนข้างน้อยและยังเกิดได้จากการที่เก็บไว้ในกระเป๋าเป็นเวลานานโดยไม่ได้ใช้งานอีกด้วย เมื่อไม่ได้ถ่ายภาพเป็นเวลานานก็ควรจะเอาออกมาส่องมองฟ้าดูนกดูเมฆให้เลนซ์มีแสงแดดส่องผ่านบ้างให้เลนส์ได้ทำงาน

เป็นฝ้าแล้วจะทำอย่างไร   ขายทิ้งไปเลยดีกว่าแล้วเปลี่ยนยี่ห้อใหม่ไปเลยหรือไม่ก็ต้องทนใช้ไป หรือส่งล้างตามร้านล้างเลนส์ คุณภาพที่ได้จะลดลงแน่นอนเพราะสารเคลือบผิวเลนส์ถูกทำลายขณะล้างหรือต้มชิ้นเลนส์ นี่ยังไม่รวมปัญหาที่ช่างประกอบคืนสภาพไม่ดี

สรุปแล้วจะทำอย่างไร     ก่อนซื้อกล้องลองหาข้อมูลดูก่อนว่าเลนส์ยี่ห้อเดียวกับกล้องมีปัญหาเรื่องฝ้ามากน้อยเพียงไร มีน่า..ยี่ห้อดีลองหาข้อมูลดู เมื่อซื้อเลนส์มาแล้วก็ต้องเก็บไว้ในที่ๆ มีความชื่นน้อยๆ หรือใส่สารดูดความชื้นไว้ในถุงเก็บเลนส์ ถ้าเกิดฝ้าเพียงเล็กน้อยก็รีบหาทางขายทิ้งไปซะก่อนที่จะมีอาการหนักจนให้ใครก็ไม่มีใครเอา ปัญหาเรื่องฝ้าจะพบได้ไม่บ่อยนัก ปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยและสร้างความปวดหัวให้เจ้าของคือ รา

ราเป็นอย่างไร.... รามีลักษณะเป็นเส้นสีขาวแตกแขนงเหมือนรากไม้หรือประการังพัด ตอนเริ่มเกิดราจะเป็นจุดเล็กๆ ตรงกลางของจุดจะมีสีทึบ ส่วนรอบๆ จะมีสีขาวจางๆ ยังมองไม่เห็นแตกแขนงเมื่อปล่อยไว้นานๆ จะเริ่มเกิดแขนงลุกลามไปทั่วผิวเลนส์โดยมีจุดกำเหนิดเป็นจุดศูนย์กลาง เส้นแขนงจะแผ่ออกรอบจุด ถ้ายังปล่อยทิ้งไว้ต่อไปแขนงดังกล่าวก็จะแผ่ไปจนเต็มหน้าเลนส์ ถ้ายังคงทิ้งไว้ต่อไปก็จะเห็นเหมือนรอยแตกลายงาของชามสังคโลก ถ้าเก็บไว้ต่อไป...ไม่ต้องเก็บแล้วโยนทิ้งไปเลยดีกว่าขืนเก็บไว้เห็นทีไรอดช้ำใจไม่ได้ แต่ถ้าเสียดายไม่ทิ้งก็เก็บไว้ลองถอดออกมาดูเล่นว่าภายในมันเป็นอย่างไร

ราเกิดขึ้นได้อย่างไร...  เลนส์ซูม, เลนส์ไวด์, เลนส์ตาปลา ล้วนเรียกว่าเลนส์ทั้งนั้น เลนส์ประกอบด้วยชิ้นกระจกผิวโค้งหลายชิ้นประกอบอยู่ในกระบอกเลนส์ ก็น่าแปลกใจว่าชิ้นแก้วหรือกระจกทำไมชอบเกิดรา หรือว่าราชอบกินกระจกแต่ทำไมกระจกหน้าต่างบ้านและแก้วน้ำที่เก็บไว้นานๆ ถึงไม่เกิดรา  ราไม่ได้ชอบกินแก้วหรือกระจกแต่ราชอบกินสารที่เคลือบชิ้นแก้วที่เป็นส่วนประกอบของเลนส์ ให้ลองสังเกตกระจกแว่นตาที่ทางร้านจะถามเราว่าจะเอาชนิด Coat ธรรมดาหรือจะเอาแบบ Multi coat ซึ่งแบบหลังนี่ก็คือการเคลือบหลายชั้นลองสักเกตุดูจะเห็นว่าที่ชิ้นแก้วจะมีสีแปลกๆ นั่นล่ะคือสารเคลือบ เลนส์ถ่ายรูปก็เช่นเดียวกันมีการเคลือบหลายชั้นมากกว่าแว่นตาเสียอีกทั้งนี้เพื่อให้ภาพที่ถ่ายออกมาคมชัด สารที่เคลือบนี่เองเป็นอาหารจานโปรดของรากินแล้วโตวันโตคืน

จะป้องกันราได้อย่างไร....  เราจะปราบราเราต้องรู้จุดอ่อนของราก่อน ราชอบขึ้นในที่ชื้นๆ ถ้าจะให้เป็นวิชาการหน่อยก็ระบุไปเลยว่าราชอบขึ้นในที่ชื้นที่มีค่าความชื้นมากกว่า 50% ขึ้นไปแล้วประเทศไทยอยู่ในเขตร้อนชื้น มีความชื้นอยู่ระหว่าง 60-90% ฤดูหนาวความชื้นจะต่ำหน่อย  ฤดูฝนก็มากหน่อย ซึ่งความชื้นขนาดนี้ราสามารถอยู่ได้อย่างร่มเย็นเป็นสุขกันทีเดียวเชียว ดังนั้นถ้าเราไม่ต้องการให้ราเกิดหรือเพิ่งเกิดไม่ให้เจริญเติบโตต่อไป เราก็ทำให้ที่อยู่ของรามีความชื้นน้อยๆ ราก็ไม่เกิด ที่เกิดแล้วก็จะไม่โตและแห้งตายไปในที่สุด วิธีทำให้ที่เก็บกล้องและเลนส์มีความชื้นน้อยๆ ง่ายนิดเดียว

แบบสะดวกสบายแต่เสียเงินเยอะหน่อยก็คือเก็บไว้ในตู้กันความชื้น ราคาหลายพันบาท  ไปซื้อมาจากร้านขายอุปกรณ์การถ่ายภาพพอมาถึงบ้านก็เสียบปลั๊กไฟ เปิดตู้ออกเอากล้องและเลนส์ใส่เข้าไปมีวงจรไฟฟ้าจัดการกับความชื้นให้อย่างเรียบร้อย ราไม่เกิดแน่นอน แต่เวลาโจรขึ้นบ้านขณะท่านไปทำงาน โจรมันจะยกไปทั้งตู้เลยเพราะทุกอย่างคุณรวมไว้ในที่เดียวกันอย่างเรียบร้อยไม่ต้องเสียเวลาหา ยกตู้เดียวพอกินไปหลายเดือน 

แบบประหยัด   โดยการเก็บไว้ในถุงพลาสติกมัดปากถึงให้แน่นเพื่อป้องกันความชื้นภายนอกเข้า แล้วใส่สารดูดความชื้นสัก 2 ซองไว้ในถุงพลาสติกด้วย  สารดูดความชื้นนี้จะต้องนำออกมาตากแดดบ้างสักเดือนละ 2 ครั้งหรืออย่างน้อยก็ 1 ครั้ง เพราะสารดูดความชื้นซองเล็ก ๆ นี้ ดูดความชื้นได้เพียงเล็กน้อยก็อิ่มตัว หรือไม่ยอมดูดซะแล้ว ดังนั้นเราจึงต้องนำออกไปตากแดดเพื่อให้ความชื้นที่อยู่ในตัวดูดความชื้นละเหยออกไปซะบ้าง

การป้องกันความชื้นและราอีกวิธหนึ่งคือการเก็บกล้องไว้ในห้องแอร์ เพราะห้องแอร์จะมีความชื้นต่ำ เมื่อต้องการนำออกไปถ่ายรูปนอกห้องแอร์จะต้องเอากล้องใส่ถุงพลาสติก เมื่อนำออกมาแล้วรอให้กล้องหายเย็นแล้วค่อยนำออกมาจากถุง ถ้านำกล้องออกไปถ่ายรูปภายนอกห้องที่มีอุณหภูมิสูงกว่าอย่างทันทีทันใดจะเกิดความชื้นเป็นฝ้าละอองน้ำอย่างเห็นได้ชัด เพราะกล้องและเลนส์ที่อยู่ในห้องแอร์จะเย็นเมื่อออกไปเจออากาศร้อนนอกห้องจะเกิดการดูดความชื้นรอบๆ ข้างทำให้เกิดเป็นหยดน้ำเล็ก ในเลนส์ก็จะดูดความชื้นจากภายนอกเข้าไปในเลนส์ด้วยดังนั้นควรใส่กล้องไว้ในถุงพลาสติกก่อน ทิ้งไว้สักพักแล้วค่อยนำออกมาใช้งานตามปกติ

วิธีการตากสารดูดความชื้น...  วันใดแดดจัดให้เอาออกไปวางตากแดดวางบนหลังคารถเราที่ทำงานก็ได้ถ้าเห็นว่าฝนจะตกก็รีบออกไปเก็บแดดออกก็นำออกไปตากใหม่ ตากไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง เมื่อคิดว่าแห้งดีแล้วก็ให้เก็บใส่ถุงพลาสติก ( อย่างไม่รั่ว ) ปิดมิดชิดด้วยหนังยางป้องกันความชื้นจากภายนอกเข้าก่อนการใช้งาน เก็บไว้อย่างนั้นจนหายร้อนแล้วจึงนำเข้าไปใส่ในถุงพลาสติกที่เก็บกล้อง อย่าเอาไปใส่ขณะที่สารดูดความชื้นยังร้อนอยู่เพราะไม่เป็นผลดีกับกล้อง

ราเกิดขึ้นแล้วจะทำอย่างไร....  อ่านจบแล้วรีบไปถอดเลนส์มาส่องดูถ้าเพิ่งเริ่มเกิดเป็นจุดเล็กๆ หรือเป็นสายแล้วแต่ไม่มากให้รีบเอาสารดูดความชื้นใส่อย่างด่วนใส่หลายๆ ซองดูดเต็มอัตราให้ภายในเลนส์แห้งสนิท ราก็จะตายหรือหยุดการเจริญเติบโตไม่ต้องเอาไปล้างเพราะล้างแล้วคุณภาพจะลดลง แต่ถ้าเป็นรามากแล้วเป็นสายเกือบทั่วเลนส์ก็ต้องส่งล้าง คุณภาพที่ได้ลดลงแน่นอน การประกอบคืนรู้ได้ไงว่าจะดีเหมือนเดิม  แต่ถ้าเป็นรามากๆ จนเหมือนผิวแตกลายงาละก็โยนทิ้งไปเลยหรือไม่ก็เก็บไว้ถอดดูเล่น

ที่เขียนมานี่ก็เพื่อให้เราเก็บของไว้ใช้งานได้นานๆ ไม่ต้องเสียเงินซื้อบ่อยๆ เพราะนอกจากกระเป๋าเราจะแห้งลงแล้วยังทำให้เงินไหลออกนอก เลนส์ 1 ตัวราคาประมาณ 10,000 บาท ต้องขายข้าวเปลือกถึง 2 เกวียนซึ่งต้องใช้พื้นที่ปลูกถึง 6 ไร่ ส่งออกไม่ได้อีกต่างหากบ้านเราผลิตเองไม่ได้ก็ต้องซื้อ เมื่อซื้อมาแล้วก็ต้องใช้ให้คุ้มค่า