หลักการตั้งแคมป์พักแรม
1. ควรกางเต็นท์บนที่ราบเรียบปราศจากของแหลมคม
เช่น ตอไม้ที่ตัดไว้ไม่หมด
หรือก้อนหินที่มีแง่มีมุม
เพราะนอกจากจะนอนไม่เป็นสุขเพราะมีอะไรมาตุงที่แผ่นหลังแล้ว
ของแหลมเหล่านั้นอาจจะทำให้พื้นเต็นท์เสียหายเกิดการฉีกขาดได้
หากเราทำเต็นท์ดังกล่าวไปกางในฤดูฝนอาจจะรั่วจนน้ำเข้าจากพื้นล่างได้
2. ไม่ควรกางเต็นท์บนดอยสูงที่โล่งเตียน
( เช่น บนยอดเชียงดาว,
ยอดดอยลังกาหลวง,
สันดอยม่อนจอง )
เพราะบนดอยสูงเป็นที่โล่งมีแนวประทะของลม
หากเกิดลมกรรโชกแรงหรือเกิดลมพายุ
แรงลมจะพัดเต็นท์ให้กระเด็นตกดอยได้
หากจำเป็นต้องกางเต็นท์บนจุดดังกล่าวให้ยึดสายรั้งเต็นท์ด้วยสมอบกที่มั่นคงกว่า
สมออย่างที่ใช้ๆ กันอยู่ หรืออาจจะทำให้เต็นท์หนักด้วยการที่คนเข้าไปนอนหรือใช้ก้อนหินใหญ่ๆ
ใส่ไว้ในเต็นท์เพื่อทำให้เต็นท์มีน้ำหนัก
ตามลำพังน้ำหนักเป้ที่ใส่ไว้ในเต็นท์กับสมอบกที่ยึดเต็นท์ไว้ไม่เพียงพอที่จะทำให้เต็นท์มั่นคงเมื่อโดนแรงลม
ไม่ใช่มัวแต่ไปถ่ายรูปพอวิ่งกลับมาเต็นท์ลอยหายไปแล้ว
ปัญหานี้เคยเกิดขึ้นแล้วกับนักเดินทางรุ่นก่อน
ถึงแม้จะมองว่าเป็นเรื่องตลกไม่น่าเป็นไปได้แต่มันเป็นไปได้จริงๆ
3.
ถ้าต้องการกางเต็นท์ในป่าโปร่งอย่างเช่น
ภูสอยดาว หรือ ทุ่งแสลงหลวง
ไม่ควรกางเต็นท์ใต้ต้นไม้เพราะเมื่อเกิดพายุในยามค่ำคืนที่เรานอนหลับสบาย
อาจมีกิ่งไม้หักหล่นทับเต็นท์เราได้
ควรจะเปลี่ยนตำแหน่งไปกางเต็นท์นอกแนวของต้นไม้
แต่ถ้ากางเต็นท์ใต้ต้นไม้ในป่าทึบ
อันนี้กางได้ไม่มีปัญหาแต่ประการใด
เพราะต้นไม้ในป่าทึบที่มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น
ต้นไม้เหล่านั้นจะไม่ล้มลงมาง่ายดายเพราะมีป่าเป็นแนวป้องกันแรงประทะของลมและยังมีเถาวัลย์โยงใยยึดเกี่ยวกันไปมาซึ่งนี่เป็นความมั่นคงที่ธรรมขาติได้สร้างขึ้น
4. อย่ากางเต็นท์ริมลำธารในช่วงฤดูฝนหรือใกล้ฤดูฝน
ลำธารในป่าใหญ่อาจจะมีพื้นหาดทรายที่ราบเรียบเหมาะแก่การตั้งแคมป์พักแรมเป็นอย่างยิ่ง
แต่ใครจะรู้ว่าคืนนี้จะมีน้ำป่ามาเยือนหรือเปล่า
หากมีฝนตกหนักน้ำจะไหลแรงมาก
แล้วถ้าหากมีน้ำป่าไหลลงมา
แรงน้ำนั้นจะพัดพาทั้งคนและเต็นท์ไปกับสายน้ำ
5.
อย่ากางเต็นท์ในจุดที่เป็นแอ่งกะทะในช่วงที่อาจมีฝนตก
เพราะที่ราบที่เราเห็นถึงแม้จะไม่มีน้ำขังแต่ถ้าหากมีฝนตกในวันนั้นหรือค่ำคืนนั้น
น้ำฝนจะไหลมารวมกันยังพื้นที่ๆ
ต่ำกว่า
และอาจจะท่วมขังสูงเกินกว่าที่เต็นท์จะป้องกันไว้ได้
ทางที่ดีที่สุดควรเลือกจุดที่เป็นเนินดินที่สูงกว่าบริเวณจุดกางเต็นท์
บนภูกระดึงถึงแม้เราจะมองดูว่าราบเรียบ
แต่จริงๆ แล้วมีบางพื้นที่ๆ
เป็นที่ราบลุ่ม เห็นแห้งๆ
อย่างนั้นแต่เมื่อมีฝนตกมีจะน้ำไหลมารวมกันเหมือนกับเรากางเต็นท์อยู่ในแหล่งน้ำ
ถึงแม้จะไม่ท่วมแต่มันก็เฉอะแฉะน่ารำคาญ
หากเป็นพื้นที่ๆ เป็นเนิน
น้ำจะไหลผ่านไป
พอฝนหยุดตกแดดออกไม่นานพื้นก็แห้ง
แต่ที่ลุ่มจะท่วมขังอยู่อย่างนั้นเป็นวันๆ
6. อย่ากางเต็นท์ในพื้นที่เนินที่เป็นแนวน้ำไหล
อันนี้ต้องพิจารณาด้วยตาตนเองว่าแบบไหนเป็นแนวน้ำไหล
ภูเขาย่อมไม่ราบเรียบ
ทุกที่ทุกแห่งมีลักษณะเป็นเนิน
เนินทุกเนินจะรับน้ำเมื่อมีฝนตก
น้ำนั้นจะไหลมารวมกันไหลลงสู่ทางที่ลาดลง
หากเราเห็นราบๆ ลาดชันนิดๆ
พอนอนได้
หากมีฝนตกหนักอาจจะมีปริมาณน้ำจำนวนมากที่ไหลมารวมกันไหลผ่านเต็นท์
อาจจะทำให้เกิดความเสียหายได้
7. ไม่กางเต็นท์ขวางทางเดินสัตว์
เราอาจเห็นพื้นที่ราบๆ
เป็นร่องทางเดินที่ไม่มีใครเดินมาแล้วเพราะมันมืดแล้ว
แต่จริงๆ
แล้วอาจจะเป็นเส้นทางที่สัตว์ใช้เดิน
สัตว์จะเดินออกหากินในตอนกลางคืนเต็นท์ของท่านอาจจะถูกทำลายได้
|