ทาก
เห็บลม
คุ่น
แตน
ต่อ
ช้างป่า
งู
เสือ
การเดินทางท่องเที่ยวค้างแรมในป่าที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวค่อนข้างจะได้รับความปลอดภัยจากสัตว์ร้ายนาๆ
ชนิด
แต่ว่าก็ยังมีสัตว์บางชนิดที่ยังคงสร้างปัญหาให้กับนักท่องเที่ยวอยู่เนืองๆ
จะให้ฆ่ากันให้หมดป่าหรือก็คงไม่ไหวเพราะว่านั่นเป็นบ้านของเขา
เราฐานะผู้แปลกหน้าที่ผ่านมาจึงควรทำความรู้จักกับสัตว์ที่จะสร้างปัญหากับเราและหาวิธีการป้องกันไว้ก่อน
สัตว์ต่างๆ
เรียงตามสำคัญของความร้ายกาจตามความเข้าใจของนักเดินทางคนหนึ่งซึ่งไม่อิงวิชาการ
มีดังนี้คือ
1.
ทาก
นักเที่ยวป่าคนไหนไม่รู้จักทากนับว่าเชยแหลก
ทากมีลักษณะเหมือนปิง
อ้าว...ปิงก็ม่ายรู้จักหรอกรึ
งั้นก็เหมือนกับเส้นเฉ๋าก๊วยแต่สีอ่อนกว่า
ทากมักจะอาศัยอยู่ตามป่าที่ชุ่มชื้นเช่น
เขาใหญ่ ภูกระดึง
เขาหลวงนครศรีธรรมชาติ
ภูหลวง และอีกหลายๆ
ที่
ทากน่ากลัวกว่าเสือเพราะว่าเสือเมื่อได้กลิ่นคนก็จะวิ่งหนีไป
แต่ทากพอกลิ่นคนแล้วกระโดดเข้าใส่เกาะได้เกาะดีทำให้สาวๆ
กรี๊ดกันลั่นป่า
ทากไม่มีพิษภัยจนถึงเกิดการบาดเจ็บล้มตาย
แต่ว่ามันขยะแขยงเท่านั้นเอง
พิษภัยจากทาก
ทากไม่มีอันตรายแต่ว่าบางตัวก็มีเชื้อโรคทำให้ผู้ที่โดนกัดเกิดอาการแพ้ได้
ทำให้เกิดอาการบวมและเกิดการอักเสบได้
ทางที่ดีเวลาเข้าป่าที่อาจจะมีทากให้นำเบต้าดีนไปด้วย
โดนกัดเมื่อไรเมื่อแกะหลุดแล้วให้ล้างแผลให้สะอาดแล้วทาด้วยเบต้าดีนเพื่อฆ่าเชื้อโรคที่อาจจะมีมากับปากของทากได้
สิ่งที่น่ากลัวมากที่สุดคือทากเข้าในหูซึ่งโอกาสที่จะเกิดขึ้นมีน้อยแต่ถ้าเกิดขึ้นเมื่อได้ล่ะก็...โชคร้ายมากเลยเพราะเมื่อทากปล่อยปากเมื่อไรจะทำให้เลือดไหลไม่หยุด
แล้วเลือดที่ไหลอยู่ในหูจะเกิดการแห้งกรังจนหูตันและหูหนวกได้
เวลาเดินก็คงไม่มีปัญหาแต่มันอาจจะหลุดรอดเข้าไปในเต็นท์ได้
ดังนั้นหากกางเต็นท์ในดงทางอย่างเช่น
บนลานกางเต็นท์บนเขาใหญ่
ภูกระดึง และอื่นๆ
ด้วยให้ปิดประตูเต็นท์ให้มิดชิดด้วยการรูดซิบผ้าร่มชั้นนอกเพื่อป้องกันมันเข้าไป
ลักษณะการเข้าจู่โจม
ทากส่วนใหญ่จะฝังตัวอยู่ตามที่ชื้นบนพื้นดินเมื่อเราเดินผ่านไปมันก็จะกระดืบมาเกาะบริเวณเท้าเรา
( ถ้าใส่รองเท้าแตะ)
บางตัวก็เกาะที่รองเท้าแล้วก็กระดืบๆ
ขึ้นมาที่ถุงเท้าแล้วก็ทำตัวยืดให้มีลำตัวเล็กยังกะเข็มเพื่อผ่านเข้าไปในถุงเท้าแล้วก็ดูดเลือดอย่างอร่อย
บางส่วนก็จะเกาะอยู่บนใบไม้เมื่อมีสัตว์หรือคนเดินผ่านมามันจะจับคลื่นความร้อนจากสัตว์เลือดอุ่นอย่างคนเรา
เมื่อมันจับคลื่นความร้อนได้แล้วมันก็จะมาเกาะแต่รู้ตัวก่อนที่มันจะฝังเขี้ยวลงไป
จึงใช้มือปัดออกไป
สรุปแล้วทากมันจู่โจมเราได้ทั้งทางภาคพื้นดิน
และทางอากาศ
บางคนโดนกัดบริเวณต้นคอด้านหลังเพราะบางคนหนังหนาจึงไม่มีความรู้สึกเมื่อเวลามันมาเกาะ
ว่าไปนั่น
ทากมักจะระบาดในช่วงฤดูฝนเพราะมีความชื้นสูง
ฤดูอื่นๆ
อาจจะพบได้ในบริเวณที่ชื้นแฉะเช่นบริเวณน้ำตก
ป่าที่ชื้นแฉะ
วิธีการป้องกัน
การป้องกันระหว่างการเดินเที่ยว
มีวิธีป้องกันมากมายหลายวิธีคนโน้นก็ว่าอย่างนี้คนนี้ก็ว่าอย่างนั้นว่ากันไปว่ากันมาเลยไม่รู้ว่าอะไรดีแน่
สารพัดสูตร
คนนี้พูดบ้างก็แล้วกันนะครับ
-
ประการแรกจะต้องแต่งกายรัดกุมให้ทางเข้าโจมตีได้ไม่สะดวกเช่นใส่รองเท้าหุ้มข้อ
ป้องกันทากเกาะบริเวณเท้าได้
แต่มันจะไต่ขึ้นมาที่ถุงเท้าได้
-
การใส่ถุงเท้ากันทากจะป้องกันทากที่จู่โจมทางภาคพื้นดินได้
แต่มันอาจจะไต่ขึ้นมาเพื่อมาเกาะขากางเกงได้
-
ทางที่ดีควรใส่ถุงกันทาก
ใส่แล้วจะต้องคอยดูว่ามีทากไต่ขึ้นมาหรือไม่
หากมีทากเกาะให้รีบแกะออกเสียอย่าให้มันไต่ขึ้นมาข้างบนได้
-
ยาฉุนที่ว่าเด็ดนักเด็ดหนาไม่ต้องใช้เลย
ไม่ได้เลย
ถ้าจะใช้ให้ใช้น้ำมันมวย
ได้ผลแน่นอน
-
สรุปว่าทากมันกลัวอะไรๆ
ที่มีสภาพเป็นกรดเป็นด่าง
ใช้เกลือหยอดใส่ก็ตายแล้ว
2.
เห็บลม
รูปร่างหน้าตาคล้ายๆ
เห็นที่เกาะสุนัขแต่ว่ามีตัวเล็กเท่าปลายเข็ม
มันจะอาศัยอยู่ตามกาบของต้นเฟิร์นที่แห้งๆ
ระบาดในช่วงฤดูแล้งประมาณเดือนมีนาคมเป็นต้นไปหรือไว้กว่านั้นเล็กน้อยหากป่าแห้ง
พิษภัยจากเห็บลม
เมื่อโดนมันกัดบริเวณแผลที่โดนกัดจะเป็นสะเก็ดไปนาน
บางคนแพ้จะมีอาการบวมแดงและอักเสบและเป็นจุดดำๆ
ถ้าหากมันลอยหลุดเข้าไปในรูหูเมื่อไร
เป็นเรื่อง
เพราะว่ามันจะไปออกลูกออกหลานอยู่ในรูหูของเราอันตรายมากและรักษายาก
เคยเห็นเห็นหมาหมั๊ยที่มักจะเข้าไปกัดอยู่ในรูหูของหมากินเลือดจนตัวเป่งอ้วนปึ๊ก
แต่เห็บลมจะเล็กว่ามากและร้ายกาจกว่า
วิธีป้องกัน
จะระบาดช่วงฤดูแล้ง
หากเข้าป่าในช่วงฤดูแล้งจงอย่านั่งหรือนอนบนขอนไม้แห้ง
ทา ก.ย.15
ในบริเวณผิวหนังที่เปิดโล่ง
วิธีรักษา
ไม่ทราบเหมือนกันครับ
แต่ว่าถ้าท่านรู้ตัวว่าโดนเห็บลมกัด
แปลว่าตัวของท่าน
เสื้อผ้าที่ท่านใส่จะเต็มไปด้วยเห็บลม
ดังนั้นก่อนจะกลับบ้านให้เอาเสื้อผ้าของท่านใส่ถุงพลาสติกให้ปิดปากให้มิดชิด
และห้ามเอาเสื้อผ้าที่ไปเที่ยวป่าไปกองบนกับเสื้อผ้าอื่นๆ
เพราะจะทำให้เห็บลมระบาดไปทั่ว
ให้นำเสื้อผ้าเหล่านั้นเข้าเครื่องซักผ้าซักด้วยน้ำร้อนฆ่าซะให้ตายให้หมด
สำหรับตัวท่านควรจะอาบน้ำ
สระผมด้วยแชมพูฆ่าหมัดสุนัข
(
ถ้ารู้ตัวว่าโดนมาแน่ๆ
)
ส่วนแผลที่โดนกัดมาตามแขนตามตัวให้ใช้ยาเบต้าดีนเช็ดคงช่วยได้บ้าง
3.
คุ่น
ชื่อไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเลย
ลักษณะคล้ายแมลงหวี่แต่ตัวเล็กกว่ามาก
มีระบาดในบางพื้นที่ที่มีแน่ๆ
คือป่าดอยลังกาหลวง-ลังกาน้อยและที่ป่าช่องเย็นมีเยอะมาก
ภูสอยดาวก็มีในบางครั้ง
การโจมตี
มันจะบินมากัดเราเฉยๆ
อย่างกะยุงกัด
ปากมันเบามากจนเราไม่รู้ตัว
เราจะรู้ตัวก็ต่อเมื่อเราเห็นผิวหนังของเรามันเป็นจุดแดงเล็กๆ
และมีเลือดคั่งอยู่ภายในสังเกตเห็นเลือดสีแดงชัดเจน
นั่นล่ะ...โดนตัวคุ่นกัดเข้าแล้ว
พิษภัยจากตัวคุ่น
เมื่อโดนมันกัดจะเป็นตุ่มเลือดแดงๆ
ใสๆ บางคนจะคัน
บางคนก็ไม่คัน
แต่มันจะทำให้ผิดหนังของเราเป็นจุดแผลดำๆ
ไปเป็นเวลานาน
บางคนที่แพ้จะมีผลที่เด่นชัดคือจะเป็นตุ่มแดง
คัน
นานเป็นเดือนและเป็นแผลเป็นจุดดำๆ
เป็นผิวหนัง
แผลเป็นนี่ร้ายนักเป็นจุดด่างดำที่ทำให้เจ้าของกลุ้มใจ
วิธีป้องกัน
วิธีที่ผมใช้ได้ผลที่สุดคือ
ทาด้วยน้ำมันทัวร์ดอยในบริเวณผิวหนังที่ไม่มีอะไรห่อหุ้ม
หลังมือ แก้ม ฯลฯ คลิกดูภาพตัวคุ่น
และรายละเอียดเพิ่มเติม
4.
แตน
หากเข้าป่ารกจงระวังให้ดี
อย่าเข้าใกล้รังมัน
รังมีลักษณะเล็กๆ
อธิบายไม่ถูก
เอาไว้จะถ่ายรูปมาให้ชมกัน
แต่ก็ไม่ได้ถ่ายซะที
เจอทีไรก็ต้องวิ่งหนีมันทุกที
ลักษณะมันเหมือนกับมดแดงที่มีปีก
แต่ตัวผอมกว่า
ถ้าเราเข้าใกล้รังมัน
มันก็เข้าใจผิดคิดว่าเราจะไปทำอันตรายต่อรังของมัน
หน่วยลาดตะเวนของมันจะบินมาโจมตี
โดยการต่อย
โดนทีสองทีก็ยังพอทน
แต่ถ้าโดนเยอะๆ
หรือโดนเข้าจุดสำคัญก็จะเป็นอันตรายมาก
มันมักจะต่อยในจุดที่ไม่มีเสื้อผ้าปกปิด
เช่น มือ ข้อ ใบหน้า หู
หัว
เคยเห็นพรรคพวกที่ไปด้วยกันโดนต่อยบ่อยมาก
ผมเองก็โดน
โดนต่อยที่ข้อมือ
อาการเมื่อได้รับพิษจากการโดนแตนต่อย
ครั้งแรกจะปวดจี๊ด
ก็ให้ใช้ยาหม่องทา
ไม่หายปวดหรอกแต่ก็ดีกว่าไม่ทา
หลังจากนั้นมันก็จะมีอาการแล้วแต่ละคนว่าแพ้พิษมันหรือไม่
ถ้าไม่แพ้ก็แค่ปวด
แต่บางคนแพ้จะบวมมาก
การรักษา...
ต้องใช้ความอดทน
ทนกันต่อไปจนกว่ามันจะหายปวด
เห็นบางคนกินยาแก้แพ้
ทานยาแล้วก็ยังปวด
เวลาจะช่วยท่านได้
แต่ต้องทน ทนปวด
5.
ต่อ
อันนี้ตัวร้ายเลย
มันจะอยู่เป็นรัง
รังกลมรีสีดำ
อยู่โคนต้นไม้บ้าง
บนต้นไม้บ้าง
ในรังจะมีตัวต่ออยู่เยอะมาก
หากเราเดินเข้าไปเหยียบหรือไปทำอันตรายรังมัน
หน่วยลาดตะเวนก็จะพากันบินมาต่อยเรา
พิษร้ายแรงกว่าแตนเยอะ
หากโดนนิดหน่อยยังพอทน
หากโดนรุมต่อยกันเป็นฝูงอาจถึงตายได้
เที่ยวป่าโปรดระมัดระวังด้วย
6.
ช้างป่า
ในป่าเขตท่องเที่ยวบางแห่งท่านอาจจะพบกับช้างป่าได้โดยบังเอิญ
เช่น บนเขาใหญ่
บนภูกระดึง บนภูหลวง
ในป่าดอยหม่อนจอง
ช้างป่าที่ดุมากๆ
และเกลียดผู้คนเป็นที่สุดคือ
ช้างป่าบนภูหลวง
ก็ไม่รู้ว่าใครไปทำอะไรให้หัวหน้าฝูงโกรธแค้นไว้
บนเขาใหญ่ก็เหมือนกันท่านอาจจะเจอช้างป่าได้ง่ายโดยเฉพาะในยามค่ำคืน
บางคนชอบขับรถออกไปส่องสัตว์ตามถนนบนเขาใหญ่พอเจอช้างออกหากินเดินผ่านถนนก็ดีอกดีใจกันยกใหญ่หารู้ไม่ว่าอาจจะพบอันตรายได้ง่ายๆ
หลายๆ
คนโดนช้างป่าบนเขาใหญ่พยายามขัดรถให้ตกเขา
บางคนโดนกระทืบฝากระโปรงรถ
แต่ก็ใช่ว่าจะเกิดเหตุการณ์กับทุกรายไป
โดยส่วนมากแล้วมักจะเกิดกับฝูงช้างที่มีลูกอ่อน
หากรถเข้าไปใกล้ฝูงของมัน
มันจะคิดว่าเราจะเข้าไปทำร้ายลูกของมัน
มันก็จะรีบวิ่งเข้ามากระทืบเอาเสียก่อน
ดังนั้นจงระมัดระวังด้วย
ส่วนช้างป่าในที่อื่นๆ
หากท่านได้เจอฝูงของมันจงอย่ามัวแต่ดีใจเพราะภัยอาจมาถึงตัวท่านได้
หากมันเข้ามาจับฟาด
ตายสถานเดียว
7.
งู
ฟังดูเหมือนน่ากลัวที่สุดแต่จริงๆ
ถ้าเราไปเที่ยวป่าที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เปิดให้บริการนักท่องเที่ยว
เราจะไม่มีโอกาสได้เจองูพิษเพราะงูมันจะหนีคน
มันกลัวคนเป็นที่สุด
ยกเว้นกรณีที่ท่านเข้าไปเที่ยวป่าที่ไปแบบบุกเบิกต้องระวังหน่อย
งูส่วนใหญ่จะหนีคนไม่ว่าในช่วงเวลากลางวันหรือในยามค่ำคืน
เพียงท่านเดินให้มันได้ยินเสียงมันก็หนีแล้ว
หรือใช้ไม้ตีให้เสียงสักหน่อยก็ปลอดภัย
ยกเว้น... งูแมวเซา
ซึ่งเป็นงูที่เชื่องช้า
หนีไม่ทัน
ถ้าท่านเดินไปใกล้ๆ
มันก็จะกัดเอาเพราะมันคิดว่าเราจะเข้าไปโจมตีมัน
มันกัดแบบป้องกันตัวเองไม่ใช่กัดด้วยความสะใจอย่างคนเราจ้องจะกัดกัน
งูอีกชนิดที่น่ากลัวคือ
งูจงอางที่มีไข่
มันจะคอยระวังไม่ให้สัตว์จะเข้าไปใกล้ไข่ของมัน
ถึงแม้เราจะให้เสียงแล้วมันก็ไม่หนีเพราะมันต้องเฝ้าไข่
ดังนั้นควรหลีกเลี่ยง
8.
เสือ
ไม่ว่าในป่าไหนๆ
เสือหน้ากลัวน้อยกว่าสัตว์ที่กล่าวมาแล้ว
เพราะมันหนีคน
พอได้กลิ่นคนมันก็หนีเข้าป่าลึกไปแล้ว
มีแต่คนนี่ล่ะที่จะไปหาดูเสือซึ่งก็ยังหาดูยากซะด้วย
เสือที่จะทำร้ายคนจะมีข่าวออกมาเป็นบางครั้งนั่นคือเสือบาดเจ็บที่โดนคนทำร้าย
หรือเสือแก่หิวโซที่ไม่สามารถล่าสัตว์อื่นๆ
เป็นอาหารได้
นอกจากนี้ยังมีอีกบางชนิดเช่น
แมงมุมพิษ หมี
แต่ไม่ค่อยพบว่าจะทำอันตรายต่อมนุษย์
|