หน้าแรก   โปรแกรมทัวร์   ภาพท่องเที่ยว   ข้อมูลท่องเที่ยว   โรงแรมทั่วไทย   ท่องเที่ยวธรรมชาติ   เวบบอร์ด   อุทยานแห่งชาติ   แผนที่ทั่วไทย   ติดต่อเรา

 

ธุรกิจท่องเที่ยว

โรงแรม - ที่พัก

ร้านอาหาร

รถเช่า

โปรแกรมทัวร์

สถานที่ท่องเที่ยว เส้นทางหลวงหมายเลข 1076 สาย เชียงใหม่ - ฝาง - ท่าตอน

ดอยเชียงดาว

เป็นยอดดอยที่สูงอันดับสามของประเทศด้วยความสูง 2,190 เมตร บ้างก็ว่า 2,180 เมตร บ้างก็ว่า 2,220 เมตร บ้างก็ว่า 2,195 เมตร  จริงๆ สูงเท่าไรไม่รู้แต่ที่แน่ๆ  คือสูงอันดับสามของประเทศ จุดเด่นไม่ใช่อยู่ที่ความสูง แต่จุดเด่นของดอยเชียงดาวคือเทือกดอยนี้เป็นเทือกดอยที่ตั้งอยู่โดดเด่นและเป็นภูเขาหินปูนล้วนทั้งลูก ด้วยความที่ตั้งอยู่โดดเด่นและมีลักษณะทางธรณีวิทยาที่ไม่มีเหมือนใครจึงทำให้มีพรรณไม้เฉพาะถิ่นที่ไม่เหมือนใครมากมายบนดอยแห่งนี้ แต่ละชนิดแต่ละอย่างล้วนมีความงดงามมากๆ นอกจากความโดดเด่นในเรื่องพืชพรรณแล้วบนดอยเชียงดาวยังมีจุดชมวิวที่สวยงามมาก  ที่ตั้ง ดอยเชียงดาวอยู่ในเขตอำเภอเชียงดาวห่างจากตัวอำเภอเชียงดาวไปทางทิศตะวันตก 5 กิโลเมตร

จากเชียงใหม่ใช้เส้นทางสาย 107 ไปจนถึงตัวอำเภอเชียงดาว ข้ามสะพานลำห้วยแม่อี๊ดไปเล็กน้อยจะมีทางแยกเข้าถ้ำเชียงดาวที่ข้างๆ โรงแรมเชียงดาวอินท์ เลี้ยวเข้าไป 5 กิโลเมตรถึงบ้านถ้ำ  ที่นี่คือจุดรวมพลทั้งลูกหาบและคนนำทาง  จากบ้านถ้ำติดต่อรถให้ไปส่งยังจุดเริ่มเดิน  แล้วเดินเท้าสู่อ่างสลุงระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร  ควรใช้เวลาเที่ยวเชียงดาว 3 วัน 2 คืน  ข้างบนไม่มีแหล่งน้ำไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ นอกจากภูเขาและต้นไม้  ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นไปเที่ยวจะต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อม  ค่าคนนำทางวันละ 400-500 บาท ค่าลูกหาบวันละ 300 บาท

ดอยเชียงดาวเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า การขึ้นไปเที่ยวจะต้องทำหนังสือขออนุญาตถึงผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมป่าไม้ อย่างน้อย 2 อาทิตย์ก่อนการเดินทาง รายละเอียด โทร. 0 2561 2947  หรือติดต่อขออนุญาตโดยตรงที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาวที่บ้านถ้ำ   ข้อมูลเพิ่มเติมอ่านได้ที่นี่
ถ้ำเชียงดาว

อยู่ใต้ดอยเชียงดาวในภาพข้างบน อยู่ในท้องที่บ้านถ้ำ ห่างจากตัวเมืองเชียงดาวไปทางทิศตะวันตก 5 กิโลเมตร การเดินทางข้อมูลเหมือนหัวข้อดอยเชียงดาว   ลักษณะของถ้ำเชียงดาวเป็นถ้ำยาวมาก ยาวจนสำรวจไม่สุดว่ายาวเท่าไร  ช่วงแรกเป็นถ้ำแห้งมีหินงอกหินย้อยที่เคยสวยงาม  ภายในมีพระพุทธรูปตั้งไว้เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้กราบไหว้  การเดินเข้าไปเที่ยวชมภายในถ้ำช่วงแรกจะมีไฟฟ้าติดให้แสงสว่างไว้ตลอดทาง  แต่ในบางห้องโถงที่อยู่ลึกเข้าไปและยังคงสวยงามจะต้องใช้คนนำทางท้องถิ่นนำทางพร้อมด้วยตะเกียงเข้าไปโดยเสียค่าตอบแทนเล็กน้อยคณะละ 200 บาท  สำหรับถ้ำที่อยู่ลึกเข้าไปมากๆ เป็นถ้ำน้ำที่ไม่รู้จุดสิ้นสุด  น้ำภายในถ้ำเกิดจากน้ำฝนที่ตกลงบนเทือกดอยเชียงดาวแล้วไหลรวมลงสู่อ่างสลุง แต่เทือกดอยเชียงดาวเป็นภูเขาหินปูนจึงไม่สามารถเก็บกักน้ำได้ น้ำเหล่านั้นจึงไหลลงสู่โพรงถ้ำเบื้องล่างแล้วไหลออกจากปากถ้ำลงสู่ลำห้วย จากลำห้วยไหลลงสู่แม่น้ำสายเล็กๆ กลายเป็นแม่น้ำปิง เทือกดอยเชียงดาวจึงเป็นต้นกำเหนิดสายน้ำเล็กๆ อีกสายหนึ่งของแม่น้ำปิง  คือว่าต้นกำเหนิดแม่น้ำสายใหญ่จะเกิดจากลำห้วยเล็กๆ สายหลายไหลมารวมกัน อาจจะมาจากดอยโน้นบ้างดอยนั้นบ้าง ทุกๆ สายในพื้นที่ต้นน้ำจึงล้วนเป็นต้นกำเหนิดแม่น้ำทั้งนั้น  มิใช่ว่าต้นกำเหนิดแม่น้ำจะไหลออกมาจากรูหนึ่งเหมือนน้ำประปาแตกแล้วไหลเป็นแม่น้ำก็ไม่ใช่

อุทยานแห่งชาติเชียงดาว
อุทยานแห่งชาติเชียงดาวกับดอยเชียงดาวเป็นคนละส่วนกัน  ดอยเชียงดาวเป็นดอยหนึ่งของเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเชียงดาว  ส่วนอุทยานแห่งชาติเชียงดาวก็เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งซึ่งอยู่คนละที่กันไม่เกี่ยวข้องกัน อุทยานแห่งชาติเชียงดาว ครอบคลุมพื้นที่ อ.เชียงดาว อ.เวียงแหง และ อ.ไชยปราการ พื้นที่ทั้งหมด 1,155 ตารางกิโลเมตร เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญของแม่น้ำปิง

สถานที่น่าสนใจในอุทยานฯ

น้ำตกศรีสังวาลย์ เป็นน้ำตกหินปูนที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง สูงประมาณ 20 เมตร ไหลลดหลั่นลงมาเป็นชั้นๆ บรรยากาศบริเวณน้ำตกมีความร่มรื่นน่าพักผ่อน ตัวน้ำตกอยู่ห่างจากที่ทำการไป 150 เมตร นอกจากนี้ยังมีน้ำตกห้วยหกซึ่งเป็นน้ำตกชั้นเดียว สูงประมาณ 20 เมตร ตั้งอยู่กลางป่าลึก ต้องเดินเท้าจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติเข้าไปประมาณ 8 ชั่วโมง

ต้นกำเนิดแม่น้ำปิง ผู้ที่ต้องการเห็นต้นกำเนิดของแม่น้ำปิง สามารถเดินเท้าจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ เข้าไปในป่าประมาณ 2 ชั่วโมง จะพบกับขุนน้ำรูซึ่งมีลักษณะเป็นธารน้ำเล็กๆที่ไหลออกมาจากภูเขา ชาวบ้านเชื่อว่าต้นน้ำแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ก่อนฤดูทำนาทุกปีจะจัดพิธีไหว้และบวชป่าชุมชนขึ้นที่นี่

บ่อน้ำร้อนโป่งอาง เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติ น้ำมีอุณหภูมิสูง 70-80 องศาเซลเซียส บ่อน้ำร้อนตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติไปทางทิศใต้ประมาณ 3 กิโลเมตร

นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆที่น่าสนใจ ได้แก่ ถ้ำผาชัน ถ้ำดอยกลางเมือง น้ำตกทุ่งแก้ว น้ำตกห้วยหก ออบปิง ถ้ำผาชัน ถ้ำห้วยจะค่าน และถ้ำดอยกลางเมือง เป็นต้น

ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก ในอุทยานฯ มีบ้านพักบริการ 2 หลัง ติดต่อที่ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 50180 โทร. 0 5381 8348 หรือ 0 1883 7371 หรือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทร. 0 2562 0760 หรือสำรองที่พักด้วยตนเองที่ http://www.dnp.go.th

การเดินทาง จากเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 (เชียงใหม่-ฝาง) ถึง กม.ที่ 79 เข้าทางแยกซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1178 ประมาณ 24 กิโลเมตร ถึงบ้านนาหวาย เลี้ยวซ้ายไปอีก 150 เมตร จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติเชียงดาว

ศูนย์ฝึกลูกช้างเชียงดาว
ตั้งอยู่ด้านขวาของถนนสาย 107 ประมาณหลักกิโลเมตรที่ 56 เป็นศูนย์ฝึกลูกช้างเพื่อใช้งานชักลากไม้ของงานอุตสาหกรรมป่าไม้  ทุกๆ เช้าจะนำช้างมาลงอาบน้ำในลำธาร  หลังจากนั้นจะมีการแสดงการทำงานของช้าง เมื่อจบการแสดงก็จะมีบริการให้นักท่องเที่ยวนั่งบนหลังช้างแล้วพาเดินเที่ยวในป่า เป็นกิจกรรมท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้ความสนใจกันมาก  ที่นี่เปิดให้บริการให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวัน โดยเสียค่าบำรุงสถานที่ ผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก 30 บาท  ชมการแสดงช้างได้วันละ 2 รอบคือ  09.00 น. และ 10.00 น. 
ดอยอ่างขาง
ดอยอ่างขางตั้งอยในเขตพื้นที่ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางทิศเหนือ 137 กม. แยกซ้ายเข้าไปอีก 25 กม. มีลักษณะเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนประกอบด้วยยอดเขาหลายลูกดังภายซ้าย ทางทิศตะวันตกติดกับประเทศพม่า  บนเทือกเขานี้มีแอ่งที่ราบที่เป็นที่ตั้งโครงการเกษตรหลวงอ่างขาง และมีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายอย่าง เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติไปชมกุหลาบพันปี   เส้นทางจักรยานเสือภูเขาจากบ้านคุ้มไปยังบ้านนอแล ระหว่างทางจะมีทัศนียภาพที่งดงาม  จุดชมนกเนื่องจากดอยอ่างขางอยู่บนที่สูงจึงมีนกสวยงามมากมายให้ชม ในฤดูหนาวจะมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาดูนกที่อ่างขางกันมาก  นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวที่หน่วยทหารนอแล เป็นจุดชมวิวที่มีวิวสวยงามสามารถมองเห็นยอดดอยผ้าห่มปกได้จากจุดนี้  นอกจากนี้ที่หน่วยนอแลยังเป็นรอยต่อพรมแดนไทย-พม่า เมื่อมองเข้าไปในฝั่งพม่าจะเห็นที่ตั้งกองกำลังของพม่าตั้งอยู่ใกล้ๆ กับกองกำลังไทย ยามสงบก็ข้ามมาเตะตะกร้อกัน ไฟฟ้าก็พ่วงไปจากหน่วยทหารของไทยไปใช้  ยามร้ายก็จับปืนมายิงกัน วันดีคืนดีหากเจ้านายเพี้ยนๆ ก็สั่งยิงไทยซะที ตอนนั้นก็ยิงปืน ค. เข้ามาตกภายในสถานีเกษตรอ่างขางดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร ฝ่ายเราก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรเพราะจะเสียบรรยากาศการลงทุนในพม่า
สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง
สถานีเกษตรดอยอ่างขางได้รับการจัดตั้งเมื่อปี 2512 ตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อวิจัยพืชเมืองหนาวเพื่อส่งเสริมให้ชาวเขาปลูกทดแทนฝิ่นและหยุดการทำลายป่า  ดอยอ่างขางมีลักษณะเป็นแอ่งที่ราบในหุบเขาลักษณะเหมือนท้องกะทะหรือเหมือนอ่าง อยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 1,400 เมตร   ภายในโครงการมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาก เช่น แปลงปลูกไม้ดอกไม้ประดับกลางแจ้ง  แปลงปลูกไม้ในร่ม  แปลงทดลองกุหลาบ แปลงปลูกผัก แปลงปลูกผักในร่ม สวนท้อ สวนบ๊วย ป่าซากุระ ป่าเมเปิ้ล พระตำหนักอ่างขาง ภายในสถานีเกษตรสวยงามมาก ยิ่งในช่วงฤดูหนาวมีดอกซากุระเต็มป่าสวยงามมาก ซะกุระแท้ๆ จากญี่ปุ่นก็มีให้ชม ดอกไม้เมืองหนาวที่ปลูกไว้ภายในสถานีเกษตรก็สวย  ในช่วงฤดูหนาวผมพานักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวบ่อยมากแทบทุกสัปดาห์จึงมีโอกาสได้เห็นความสวยงามในช่วงเวลาต่างๆ  รายละเอียดและจุดท่องเที่ยวคลิกที่นี่ครับ อย่างละเอียด
โป่งน้ำร้อนฝาง
โป่งน้ำร้อนฝาง  เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของอุทยานแห่งชาติแม่ฝ่าง ตั้งอยู่กลางลานทุ่งหญ้าภายในเขตที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่ฝาง  น้ำพุร้อนเกิดจากพลังงานความร้อนใต้ผิวโลก น้ำมีอุณหภูมิสูงถึง 90-130 องศาเซลเซียส และมีแรงดันสูงมากจนสามารถนำมาใช้เป็นพลังงานผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนให้กับเมืองฝางได้ ปัจจุบันการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเข้ามาดูแลเรื่องการใช้พลังงานความร้อนใต้พิภพของบ่อน้ำพุร้อนฝางในการผลิตกระแสไฟฟ้า ส่วนอุทยานแห่งชาติแม่ฝางเป็นเจ้าของพื้นที่ดูแลในเรื่องการท่องเที่ยวและกิจกรรมการท่องเที่ยวภายในอุทยาน  บริเวณบ่อน้ำพุร้อนมีห้องอาบน้ำแร่แช่น้ำพุร้อนไว้บริการ มีทั้งห้องอาบน้ำกลางแจ้งแต่ตอนนี้เสียอยู่ ห้องอาบน้ำแบบรวม และห้องอบซาวน่า เสียค่าบริการท่านละ 30 บาท  ผ้าสำหรับใส่อาบน้ำมีใช้เช่าชุดละ 10 บาท  นอกจากนี้ยังมีบริการนวดแผนโบราณด้วย เป็นการดำเนินงานของกลุ่มแม่บ้านเพื่อกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น  นับว่าเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่น่าสนใจ หากไปเที่ยวที่นี่และไม่รีบเร่งนักน่าจะอาบน้ำแร่แล้วจะสบายตัว ดีกว่าไปเดินถ่ายรูปแล้วกลับ  นอกจากห้องอาบน้ำแล้วบริเวณกลางแจ้งยังมีน้ำพุร้อนให้ต้มไข่ด้วย
ถ้ำห้วยบอน
ตั้งอยู่ภายในสำนักสงฆ์ถ้ำห้วยบอน เป็นถ้ำขนาดใหญ่ลึกประมาณ 300 เมตร เคยมีการขุดพบเครื่องมือเครื่องใช้และเครื่องประดับของคนในสมัยโบราณ  ลักษณะถ้ำเป็นถ้ำทะลุจากด้านหนึ่งไปสู่ด้านหนึ่ง ภายในถ้ำมีอากาศถ่ายเทไม่อับและเย็นสบาย ภายในห้องโถงกลางถ้ำมีขนาดใหญ่จุดคนได้เป็นจำนวนมาก  หินงอกหินย้อยภายในถ้ำมีความสวยงามและยังเป็นหินงอกหินย้อนที่ยังเจริญเติบโตอยู่  ถ้ำนี้นักท่องเที่ยวชาวไทยไม่ค่อยเข้าไปเที่ยวเพราะไม่รู้จักและอีกอย่างทางขึ้นสู่ปากถ้ำก็ค่อนข้างชันนักท่องเที่ยวประเภทคุณหนู๋ไม่ชอบ แต่ถ้ามีโอกาสน่าแวะไปเที่ยวเพราะอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองฝาง

การเดินทาง  จากตัวเมืองฝางใช้เส้นทางสายอ้อมเมือง ขับไปจนถึงทางแยกซ้ายป้ายบอกไปดอยผ้าห่มปก ขับตรงเข้าไปตามทางลูกรังประมาณ 3 กิโลเมตรก็จะถึงด่านที่มีคานเหล็กกั้นขวางเพื่อกันรถที่จะแอบขึ้นดอยผ้าห่มปก  ณ จุดนี้แยกซ้ายเข้าไปในสำนักสงฆ์  ทางเดินขึ้นปากถ้ำอยู่ทางซ้ายมือ  เดินผ่านป่าไผ่ขึ้นไปประมาณ 300 เมตรก็ถึงปากถ้ำ  ควรนำไฟฉายไปด้วยและควรติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางจากที่ทำการอุทยานแม่ฝางไปด้วยเพื่อความปลอดภัยไม่หลงทางและยังได้ความรู้ อย่าเน้นเรื่องประหยัดนัก ค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ก็ไม่แพง

ดอยผ้าห่มปก
ดอยผ้าห่มปก  เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดของเทือกเขาแดนลาวที่กั้นระหว่างไทย-พม่า ยอดดอยมีความสูง 2,285 เมตร จากระดับทะเล เป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับสองของไทยรองจากดอยอินทนนท์ สภาพป่าของดอยผ้าห่มปกเป็นป่าดิบเขาที่มีความรกชัฏอัดแน่นไปด้วยต้นไม้นานาชนิดที่เขียวตลอดปี เป็นที่อยู่ของนกมากมาย เส้นทางเดินใต้ป่ารถชัฏเป็นทางเดินเที่ยวที่ร่มรื่น มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ผมพาลูกทัวร์เดินทุกสัปดาห์ในฤดูหนาว เดินเที่ยวเหมือนกับเดินเที่ยวในสวนหลังบ้าน  บนยอดดอยมีจุดชมวิวที่สวยงามเมื่ออยู่บนยอดดอยสามารถมองเห็นวิวได้รอบตัว ด้านหนึ่งมองเห็นดอยอ่างขางได้อย่างชัดเจน อีกด้านหนึ่งมองเห็นเทือกเขาฝั่งพม่า หากวันไหนวิวใสก็จะมองเห็นที่ตั้งกองกำลังของพม่าบนสันดอยด้วย อีกด้านหากฟ้าเปิดจะมองเห็นเมืองยองของพม่า หากมองลงมาเหนือป่าผ้าห่มปกด้านล่างก็จะเห็นป่าสีเขียวเข้มอัดแน่นจนไม่มีช่องว่าง  ด้วยความสูงระดับนี้จึงทำให้ยอดดอยผ้าห่มปกถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกตลอดทั้งปี ป่าผ้าห่มปกจึงมีความชุ่มชื้นและเขียวตลอดปี    ดอยผ้าห่มปกเป็นแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งของอุทยานแห่งชาติแม่ฝาง เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวตั้งแต่เเดือนพศจิกายน ถึงพฤษภาคมทุกปี  ข้างบนมีลานกางเต็นท์อยู่ที่กิ่วลมต้องเดินอีก 3.5 กิโลเมตรจึงจะถึงยอดดอย  ที่จุดกางเต็นท์ไม่มีร้านค้าไม่มีบ้านพัก นักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปเที่ยวจะต้องเตรียมอาหารไปให้พร้อม

การเดินทาง จาก อ.ฝาง มุ่งสู่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่ฝาง ติดต่อเสียค่าธรรมเนียมและเช่ารถขึ้นดอยได้ที่อุทยาน หลังจากนั้นรถจะพาขับขึ้นดอย  หรือถ้านำรถสมรรถนะสูงสำหรับขึ้นดอยมาเองก็ต้องติดต่อเสียค่าธรรมเนียมให้เรียบร้อย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้แผนที่สำหรับขึ้นดอยมาหนึ่งแผ่น ให้ขับไปตามแผนที่ถึงแน่ไม่มีหลง แต่ยังมีบางพวกที่งกแอบขึ้นดอยโดยไม่ต้องการเสียค่าธรรมเนียม โดยไม่เข้าไปติดต่อเสียค่าธรรมเนียม โดยขับขึ้นดอยมาตามทางที่เพื่อนบอกหรือที่ศึกษามาแล้ว เมื่อขับไปได้ไกลมากๆ ก็ต้องเซ็งสุดขีดเมื่อไปเจอด่านที่มีคานเหล็กกั้นใส่กุญแจไว้เรียบร้อย  ถึงคราวนี้ก็จะต้องเสียทั้งน้ำมันและเวลาในการขับรถกลับไปเสียค่าธรรมเนียมเพื่อจะได้กุญแจสำหรับเปิดด่าน   ข้อมูลเที่ยวดอยผ้าห่มปกหาอ่านได้ที่นี่ครับ

วัดท่าตอน
เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาต่อเนื่องกันหลายลูก มีเนื้อที่กว่า 400 ไร่ อยู่ติดริมแม่น้ำกก เดิมเป็นวัดเก่าแก่สันนิษฐานได้จากวัตถุโบราณที่ค้นพบในบริเวณนี้ วัดท่าตอนยังเป็นสถาบันการศึกษาสำหรับพระภิกษุ สามเณร และเยาวชน เป็นศูนย์บำบัดยาเสพติด และสงเคราะห์ชาวเขา เป็นวัดที่มีทิวทัศน์งดงาม และเนื่องในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์เป็นปีที่ 50 ทางวัดได้ริเริ่มโครงการก่อสร้างเจดีย์แก้วเฉลิมพระเกียรติไว้บนยอดเขา ด้านบนมีจุดชมวิวซึ่งจะมองเห็นชุมชน ทุ่งนา และแม่น้ำกกไหลคดเคี้ยวอยู่เบื้องล่าง
เที่ยวสวนส้มฝาง
อำเภอฝางเป็นแหล่งปลูกส้มสายน้ำผึ้งที่ใหญ่  และที่นี่เป็นต้นกำเหนิดของส้มพันธ์สายน้ำผึ้ง ส้มสายน้ำผึ้งเป็นส้มพันธุ์ดีมีรสหวาน เปลือกบาง ชานนุ่ม ผลมีสีสวย ด้วยจุดเด่นของส้มสายน้ำผึ้งทำให้ได้รับนิยมอย่างแพร่หลาย ทำให้ส้มสายน้ำผึ้งมีราคาแพง เกษตรกรในเขตพื้นที่ปลูกส้มบริเวณฝางและพื้นที่ใกล้ๆ เคียงได้ขยายพื้นที่ปลูกมากขึ้นจนกระทั่งส้มเป็นพืชเศรษฐกิจหลังของฝางไปซะแล้ว  ส้มสายน้ำผึ้งจะติดผลดกมากอีกทั้งผลยังมีสีสวย เมื่ออยู่รวมกันในแปลงปลูกทำให้ดูสวยงาม จนในระยะหลังสวนส้มสายน้ำผึ้งกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวในความสนใจไปเยี่ยมชม  นักท่องเที่ยวก็ได้มีโอกาสเข้าไปชมสวนส้มกันถึงในสวนจริงๆ ชาวสวนก็ได้ขายผลิตให้นักท่องเที่ยว  แต่ก่อนนั้นนักท่องเที่ยวสามารถเด็ดส้มทานจากต้นได้เลย แต่มีปัญหาที่ส้มมีกิ่งที่เปราะในบางครั้งนักท่องเที่ยวเด็ดส้มแล้วทำให้กิ่งหักเสียหาย ในระยะหลังจึงไม่อนุญาตให้เด็ดส้มทานจากต้น แต่ก็สามารถชิมได้ที่หน้าสวน หากถูกใจก็ซื้อกลับบ้านได้โดยมีลังกระดาษบรรจุให้อย่างสวยงามเหมาะที่จะหิ้วกลับไปเป็นของฝากก็เหมาะ ซื้อกลับไปทานเองก็ดี  มีหลายสวนที่เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว เช่น 

สวนส้มเวียงคำ อยู่ที่บ้านหนองยาว ต. แม่สูน อ. ฝาง โทร 053-883640-1  เสียค่าเข้าชมท่านละ 100 บาท

สวนส้ม 13 เหรียญทอง  ต. แม่สูน  อ. ฝาง   โทร 053-457132   ไม่เสียค่าเข้าชม

สวนส้มทรายทอง  ต. เวียง  อ. ฝาง  เป็นสวนส้มที่ใหญ่ที่สุดของไทย  โทร 053-382888   เสียค่าเข้าชมท่านละ 100 บาท

สวนส้มธนาทร  ริมเขื่อนบ้านลาน  อ. ฝาง   สวนนี้เป็นต้นกำเหนิดของส้มสายน้ำผึ้งในไทย    เสียค่าเข้าชมท่านละ 100 บาท

ดอยเวียงผา
ตั้งอยู่ทางฝั่งขวาของอำเภอชัยปราการ ครอบคลุมพื้นที่ 455.9 ตารางกิโลเมตร ตั้งขึ้นเพื่อรักษาความสมบูรณ์ของป่าต้นน้ำ  ลักษณะภูมิประเทศของอุทยานแห่งชาติดอยเวียงผาเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน เทือกเขาวางตัวในเแนวทิศเหนือ – ใต้ เป็นแนวแบ่งเขตจังหวัดเชียงใหม่ – เชียงราย มียอดดอยสูงสุดคือ ดอยเวียงผา มีความสูง 1,834 เมตร สภาพป่าบนดอยเป็นป่าสนสองใบ บริเวณไหล่เขาเป็นป่าดิบเขามีกุหลาบพันปีขึ้นอยู่เป็นจำนวนมากและจะออกดอกสีแดงบานสะพรั่งในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม พื้นที่ป่าด้านล่างยังมีควาสมบูรณ์ เป็นป่าต้นน้ำลำธารและแหล่งกำเนิดของลำห้วยใหญ่ๆ ที่สำคัญ โดยเฉพาะเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำฝาง และสาขาหนึ่งของน้ำแม่ลาว เช่น ห้วยแม่ฝางหลวง ห้วยแม่ฝางน้อย น้ำแม่ยางมิ้น  นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปเที่ยวได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป โดยจะต้องติดต่อเจ้าหน้าอุทยานนำทางขึ้นไป 

การเดินทาง  จากเชียงใหม่ใช้เส้นทางสาย 107 ไปจนถึงตัวอำเภอไชยปราการ สังเกตทางขวามีป้ายบอกไปอุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา 12 กม. ติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางที่ที่ทำการอุทยาน ติดต่อนัดแนะรถขึ้นดอย และติดต่อลูกหาบเพื่อแบกสัมภาระ จากที่ทำการอุทยานไปยังจุดเริ่มเดินเท้ามีระยะทางไกลมาก ค่ารถค่อนข้างสูง ประมาณ 2,500 บาท  ค่าลูกหาบวันละ 300 บาท  ข้างบนมีแหล่งน้ำอยู่ไม่ไกลจากจุดกางเต็นท์นัก  ความสวยงามโดยรวมใช้ได้

ดอยปู่หมื่น
ตั้งอยู่ในเขตท้องที่ตำบลแม่สาว อำเภอแม่อาย ระยะทางห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ ประมาณ 174 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง มีทัศนียภาพอันสวยงามรอบๆหน่วยงานขนบธรรมเนียมของชาวเขาเผ่ามูเซอ ชมยอดดอยผ้าห่มปกที่สวยงาม แปลงดอกไม้ และแปลงทดลองปลูกพืชเมืองหนาวพร้อมทั้งบ้านพักทั้งหมด 6 หลัง รับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 50 คน
การเดินทาง ใช้เส้นทางเชียงใหม่-ฝาง ประมาณ 140 กิโลเมตร ฝาง-แม่อาย 9 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าหน่วยงานอีก 14 กิโลเมตร ติดต่อที่พักได้ที่ ส่วนอนุรักษ์ต้นน้ำ โทร. 0 2579 7586-7
โครงการหลวงห้วยลึก
ตั้งอยู่ที่ ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว ไปตามเส้นทางสายเชียงใหม่-ฝาง ประมาณกิโลเมตรที่ 95 เลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 200 เมตร โครงการนี้ดำเนินการจัดพื้นที่ทำกินให้แก่ชาวเขาเผ่าแม้ว กะเหรี่ยง และคนเมืองในบริเวณพื้นที่ โดยทำการส่งเสริม วิจัย และเพาะพันธุ์ให้แก่เกษตรกร ผลิตผล ได้แก่ ผักจำพวกผักสลัด แคนตาลูป ฯลฯ ไม้ดอก เช่น เบญจมาศ พีค็อก ฯลฯ ไม้ผล เช่น เสาวรส ทับทิม ฝรั่งคั้นน้ำ เป็นต้น ฤดูท่องเที่ยวของที่นี่จะอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม เนื่องจากมีผลิตผลให้ชมและซื้อหาได้ รายละเอียด โทร. 0 5345 1116 ต่อศูนย์ห้วยลึก
 

ท่องเที่ยวเป็นหมู่คณะ เฉพาะในกลุ่มของท่านเอง  8 -16 ท่าน  กำหนดวันเดินทางตามความสะดวกของท่าน

Copyright © 2005 Tourdoi.com All Rights Reserved.