| 
                     หนึ่งในโครงการ   
                    เที่ยวที่ไหนไม่สุขใจเหมือนบ้านเรา 
                      
                    พระแก้วมรกต 
                    เป็นพระพุทธรูปที่มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เลื่อมใสของผู้คนในภูมิภาคแหลมทองมาเป็นเวลานาน
                    เริ่มตั้งแต่ดินแดนถิ่นนี้ยังเป็นอาณาจักรต่างๆ
                    มิได้รวมกันเป็นประเทศอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
                    จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์พอรวบรวมได้ว่าองค์พระแก้วมรกตสร้างขึ้นในประมาณ
                    ปี พ.ศ. 500
                    โดยพระนาคเสนเถระ
                    เมืองปาฏลีบุตร
                    อินเดีย
                    เข้ามาสู่ดินแดนของไทยครั้งแรกในอาณาจักรอโยธยา
                    จากนั้นอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดพระแก้วเมืองชากังราวหรือกำแพงเพชร
                    จากกำแพงเพชรได้อัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดพระแก้วเชียงรายเป็นเวลา
                    45 ปี
                    จากนั้นก็อัญเชิญลงมาประดิษฐานที่ลำปางอีก
                    32 ปี
                    จากลำปางอัญเชิญขึ้นเหนือไปประดิษฐานที่วัดเจดีย์หลวง
                    จ. เชียงใหม่ เป็นเวลา 85
                    ปี  จากเชียงใหม่ไปประดิษฐานที่เมืองเวียงจันทร์
                    225 ปี
                    แต่เก่าก่อนตอนปลายสมัยอยุธยา
                    เมืองเวียงจันทน์ตกเป็นเมืองขึ้นของกรุงศรีอยุธยา
                    ครั้งเมื่อกรุงศรีอยุธยามีศึกหนักกับพม่าจนตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า
                    ทางเวียงจันทน์ถือโอกาศแข็งเมืองแยกตัวเป็นอิสระ
                    จนกระทั่งพระเจ้าตากกอบกู้เอกราชได้และตั้งราชธานีใหม่จึงได้ส่งเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกไปตีเมืองเวียงจันทน์ให้กลับมาเป็นเมืองขึ้นเหมือนเดิม
                    ศึกครั้งนั้นทัพของเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้รับชัยชนะโดยเด็ดขาดจึงได้อัญเชิญพระแก้วมรกตกลับคืนสู่แผ่นดินไทย 
                    ครั้งแรกเมื่ออัญเชิญพระแก้วมรกตกลับมายังประเทศไทยในสมัยกรุงธนบุรีได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ที่วิหารน้อยวัดอรุณราชวราราม 
                    ประดิษฐานอยู่ที่วัดอรุณฯ
                    เป็นเวลา 5 ปี 
                    เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเมื่อชนะศึกเมืองเวียงจันทน์และได้อัญเชิญพระแก้วมรกตกลับมาก็เกิดความยินดี
                    ดั่งว่าพระแก้วมรกตเป็นพระคู่บารมีคู่บ้านคู่เมือง   
                    ครั้นเมื่อสิ้นกรุงธนบุรีเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกปราบดาภิเษกขึ้นเป็นมหากษัตริย์ได้สำเร็จ
                    และได้ตั้งเมืองขึ้นใหม่มีชื่อว่า
                    กรุงรัตนโกสินทร์
                    นัยว่าเป็นชื่อที่มีที่มาจากพระแก้วมรกต  
                    กรุง แปลว่า เมือง   รัตน 
                    แปลว่าแก้ว  โกสินทร์ 
                    แปลว่าพระอินทร์
                    ซึ่งพระอินทร์จะมีองค์สีเขียว
                    รวมระยะเวลาที่องค์พระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่
                    พ.ศ. 2321
                    จนถึงปัจจุบันนี้เป็นเวลา
                    227 ปี
                     
                    พระแก้วมรกต
                    ท่านได้ไปประดิษฐานอยู่
                    ณ ที่ใด
                    ที่นั้นก็จะมีแต่ความสุขเจริญรุ่งเรือง 
                    เมื่อมีสิ่งศักดิ์อยู่คู่บ้านคู่เมืองของเราแล้วก็ขอเชิญท่านทั้งหลายไปกราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวท่านเอง 
                    
                      
                        
                          
                            
                              
                                
                                    | 
                                  
                                      
 พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
                                    ที่ประดิษฐานองค์พระแก้วมรกต    | 
                                 
                               
                             
                           | 
                         
                       
                     
                    รอยประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพระแก้วมรกต 
                    หลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพระแก้วมรกต
                    มีทั้งเป็นลายลักษณ์อักษรและหลักฐานทางโบราณคดี 
                    ในส่วนที่เป็นลายลักษณ์อักษรนั้นได้ปรากฎอยู่ในเอกสารโบราณมากมาย
                    อาทิเช่น
                    เรื่องรัตน์พิมพ์วงค์
                    ตำนานพระแก้วมรกต
                    เรื่องพระรัตนปฏิมา
                    ในหนังสือชินกาลมาลีปกรณ์  
                    พงศาวดารเหนือ
                    ราชพงศาวดารกรุงกัมพูชา 
                    ตำนานพระแก้วมรกตฉบับหลวงพระบาง
                    และพงศาวดารโยนก
                    เป็นต้น 
                    จากเอกสารดังกล่าว 
                    สามารถประมวลได้ว่า 
                    พระแก้วมรกต
                    สร้างขึ้นจากความดำริของพระนาคเสนเถระ 
                    แห่งเมืองปาตลีบุตร 
                    ในชมพูทวีป ( ประเทศอินเดียวในปัจจุบัน
                    ) เมื่อประมาณ พ.ศ.500  จากนั้นก็ได้มีการอัญเชิญไปประดิษฐานตามเมืองสำคัญต่างๆ 
                    ตามลำดับ  ดังนี้ 
                    
                      - 
                        
เกาะลัง  
                        เมื่อประมาณปี  พ.ศ.
                        ๘๐๐  
                      - 
                        
เมืองนครธม  
                        ในอาณาจักรขอมโบราณ
                        เมื่อประมาณปี พ.ศ.๑๐๐๐  
                      - 
                        
เมืองอโยชปุระ
                        หรือเมืองอโยธยาโบราณ 
                        ในสมัยพระเจ้าอาทิตยราช  
                      - 
                        
เมืองกำแพงเพชร
                        ในสมัยพระยะาวิเชียรปราการ  
                      - 
                        
เมืองเชียงราย
                        ในสมัยเจ้ามหาพรหม  
                      - 
                        
นครเขลางค์
                        หรือเมืองลำปาง  ระหว่างปี ๑๘๗๙ - พ.ศ.
                        ๒๐๑๑  
                      - 
                        
เมืองเชียงใหม่  
                        ระหว่างปี พ.ศ. ๒๐๑๑ - พ.ศ.
                        ๒๐๙๖  ในสมัยพระเจ้าติโลกราช  
                      - 
                        
เมืองหลวงพระบาง 
                        ในปี พ.ศ. ๒๐๙๖  
                      - 
                        
เมืองเวียงจันทร์ 
                        จนถึง พ.ศ. ๒๓๒๑  
                      - 
                        
กรุงธนบุรี
                        ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๒๑ - พ.ศ.
                        ๒๓๒๗  
                      - 
                        
กรุงเทพมหานคร 
                        ตั้งแต่ปี  พ.ศ.
                        ๒๓๒๗  จนถึงปัจจุบัน  
                     
                    ด้านหลักฐานทางโบราณคดี 
                    ปัจจุบันในภาคเหนือของประเทศไทยยังคงปรากฏร่องรอยในโบราณสถานที่เกี่ยวข้องกับพระแก้วมรกตอยู่อย่างชัดเจนในหลายพื้นที่
                    ได้แก่ 
                    
                      - 
                        
โบราณสถานวัดพระแก้ว
                        ในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร  
                      - 
                        
เจดีย์โบราณ 
                        วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม 
                        จังหวัดลำปาง  
                      - 
                        
เจดีย์หลวง 
                        ในวัดเจดีย์หลวง
                        จังหวัดเชียงใหม่  
                      - 
                        
เจดีย์โบราณ 
                        ในวัดพระแก้ว  จังหวัดเชียงราย  
                     
                    เรื่องตำนานพระแก้วมีหลายฉบับอาจจะผิดพลาดในเรื่องของเวลาและการกำหนดปีพุทธศักราชอยู่บ้าง
                    แต่สิ่งเป็นจริงที่แน่แท้ไม่ผิดเพี้ยนคือปัจจุบันนี้พระแก้วมรกต
                    ประดิษฐานอยู่ในประเทศไทยของเรา
                    ที่วัดพระแก้ว
                    หรือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
                    เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาติไทยมาช้านาน 
                    สถานที่ต่างๆ
                    ที่เคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตล้วนมีความสำคัญในแง่ของความศรัทธาและความเชื่อของผู้คนท้องถิ่น 
                    อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่มีศิลปะที่งดงามในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น
                    หากมีเวลาจึงขอเชิญชวนทุกท่านเดินท่องเที่ยวเยือนเมืองเหนือกราบรอยพระแก้วมรกตเพื่อความเป็นสิริมงคลและยังได้ท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ
                    ที่มีความสวยงามทั้งศิลปะวัฒนธรรมและธรรมชาติ 
                    เยือนเมืองเหนือ....
                    กราบรอยพระแก้วมรกต 
                    กำแพงเพชร
                    - ลำปาง - เชียงใหม่ -
                    เชียงราย 
                    
                    
                    
                    
                    เขียน
                    / ถ่ายภาพ  โดย  Webmaster  
                    10 พ.ค. 2548 
                 |