ลานกางเต็นท์คืนแรกที่ศูนย์ซับใต้

เช้าตรู่วันที่ 25 พค ตอนประมาณ ตี5 ก็เริ่มสว่างแล้ว เมื่อลืมตาขึ้นมองผ่านหน้าต่างของเต็นท์ออกไปก็อดที่จะรีบลุกขึ้นออกมาจากเต็นท์เพื่อได้ชมทิวทัศน์อันแสนสวยงาม จากจุดที่เรานอนอยู่รายล้อมด้วยเทือกเขา ที่เป็นทั้ง ภูเขาหญ้า และ ต้นไม้สลับกันไป  ผมออกมาเดินเล่นในบริเวณศูนย์ พบว่าภายในนี้ กำลังมีการปรับปรุงสถานที่ และกำลังก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างมากมายหลายจุด เมื่อสอบถามดูแล้วก็ได้ความว่ากำลังสร้างบังกาโลไว้เพื่อรองรับสมาชิกของมูลนิธิพัฒนาชุมชนที่จะเข้ามาอบรมที่ศูนย์นี้ รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่จะมีมาเที่ยวมากขึ้น

ทริปเดินป่าน้ำตกเหวกระถิน

หัวค่ำวันที่ 24 พค. สมาชิกของเรา 9 คน มี ผม, ขาว, โป้, กิ่วลม, ป้าซิน, แหนว, ภัทร, ทองม้วน และ ฐา ก็ได้มา รวมกันที่ ปั๊ม ปตท สนามเป้า อันเป็นจุดนัดพบหลัก ของนักท่องเที่ยวสไตล์แบกเป้  หลังจากจัดข้าวของขึ้นรถแล้วเราก็เริ่มออกเดินทางสู่จังหวัดสระบุรีเลยจากทางเข้าอำเภอมวกเหล็กไป เลี้ยวเข้าไป จะวิ่งไปตามทางราดยาง ประมาณ 5 กม ก็จะถึงทางเลี้ยวขวาเข้าไปเล็กน้อย ก็จะมีทางเลี้ยวขวาลงทางลูกรัง อีกที วิ่งไปตามทางลูกรังประมาณ 7 กม. ก็จะถึงที่ทำการของศูนย์ซึ่งปัจจุบันได้มีพื้นที่ส่วนหนึ่งเปิดบริการเป็นรีสอร์ท  พวกเรามาถึงศูนย์ซับใต้กันตอน เที่ยงคืนเศษ ทางศูนย์ได้กางเต็นท์ รอพวกเราไว้แล้ว บริเวณลานกางเต็นท์ ซึ่งอยู่ใกล้ห้องน้ำรวม ซึ่งเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ สวยสะอาดมาก ในเต็นท์ ก็มีทั้งหมอน ถุงนอนและผ้าห่มเตรียมเอาไว้ให้ด้วย หลังจากเราเอาสัมภาระลงมาเก็บในห้องแล้วก็พากันเข้านอน

จุดสุดเส้นทางรถยนต์ เริ่มเดินเท้า

ออกเดินตัดขึ้นสันเขาเข้าสู่ป่าทึบ

หลังจากที่เราได้อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้ากันแล้ว เราก็ขนย้ายข้าวของ ไปที่โรงอาหาร เพื่อทานอาหารเช้าและรอเจ้าหน้าที่ที่จะมานำทางให้เรา พอได้เวลาที่นัดไว้ 8.30น.ทางเจ้าหน้าที่ก็เริ่มทยอยมา ในทริปนี้เราขอเจ้าหน้าที่ ที่เป็นทั้งคนนำทาง และช่วยพวกเราแบกเสบียงสัมภาระ  เมื่อทุกคนมาพร้อมแล้ว เราก็ทำการจัดแบ่งสัมภาระกัน และเริ่มขึ้นรถของศูนย์ที่จะไปส่งเราที่ตีนเขา ท้ายหมู่บ้าน ตอนประมาณ 9 โมง เรานั่งรถมาประมาณ 15 นาที ก็มาถึงที่สุดหมู่บ้าน ตีนเขาหญ้า ลงมาจัดข้าวจัดของแล้ว ก็เริ่มออกเดินกันเลย ผมจับเวลาไว้ พอดีตอน 09.27 น. ไปยังจุดเริ่มเดินขึ้นเขา รถพาพวกเราไปส่งที่สุดเส้นทางที่ยอดเนินเขาหญ้า ที่นี่มีขนำพักของเจ้าหน้าที่ยามดูไฟป่าอยู่ เราก็เลยได้อาศัยร่มเงาเป็นที่นั่งพักเหนื่อยกัน แต่นั่งได้ครู่เดียวเท่านั้น ก็ต้องรีบออกเดินต่อเนื่องจาก โป้ได้เจอว่าที่นี่มีเห็บอยู่ เราเลยต้องย้ายไปนั่งพักเหนื่อยกัน ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ยืนอย่างโดดเด่น พอหายเหนื่อยแล้ว เราก็เริ่มเดินตัดลงไป ในป่าซึ่งเป็นลักษณะป่าดิบชื้น ทางค่อนข้างรกมาก เดินลงมาได้ประมาณ 20 นาที เราก็มาพบกับลำห้วยเล็กๆ จากนั้น ก็เดินล่องไปตามลำห้วย ชมความงามของต้นไม้ พืชพันธ์ต่างทีขึ้นอยู่ตามริมห้วยไป เรื่อย จนประมาณ 11 โมงเศษๆ ก็มาถึงสามแยก พวกเราทานอาหารกลางวันกันที่นี่

เมื่ออิ่มกันแล้ว ทางโก๊ะ ก็รีบเร่งให้พวกเรารีบออกเดินกันทันที เนื่องจุดหมายของเราวันนี้ยังอยู่อีกไกล คราวนี้เราเริ่มเดินทวนน้ำขึ้นไปตามแนวของคลองใหญ่ เดินในน้ำบ้าง ตัดขึ้นแนวตลิ่งบ้าง สลับกันไป เดินกันแบบเร่งรีบ จนเกือบบ่าย 2 โมง เราก็มาถึงจุดที่ต้องเดินผ่านป่าทึบ และตัดขึ้นสู่สันเขาซึ่งเป็นทางชัน เดินได้สักเดี๋ยวก็เจอที่ราบให้ได้นั่งพักเหนื่อย เมื่อได้นั่งพักจนหายเหนื่อยแล้ว คราวนี้เราก็เดินลงเขาไป พบกับคลองอีกแล้ว คราวนี้ก็เป็นการเดินตัดข้ามคลองไปมา สภาพป่านั้นรกมากๆๆๆ ทางเดินไม่ชัดเจนเลย เดินๆไปก็หลุด หาทางไม่เจอต้อง คอยกู่ ตะโกนถามทางจากคนที่เดินนำกันเกือบตลอดทาง ในระหว่างทางเราได้พบป่าที่สมบูรณ์มาก จนกระทั่งเกือบ 5 โมงเย็นก็มาถึงบริเวณตั้งแคมป์พักแรม  บริเวณที่พักของเรา เป็นลานค่อนข้างโล่ง ในป่าโปร่งระหว่าง ลำธาร และทุ่งหญ้า ที่ลำธารมีน้ำตกเล็กๆ ไว้ใช้นวดหลัง นวดไหล่แก้เมื่อยเป็นอย่างดี ทันทีที่ถึงที่พักเราก็แยกย้ายกัน ช่วยกันกางเปล ทำกับข้าว และ บางคนก็รีบไปอาบน้ำทันที ก่อนจะมืด เนื่องจากอากาศเริ่มเย็นลง เรารีบทำอาหารและรับประทานอาหารค่ำร่วมกัน หลังจากนั้นก็นั่งคุยกันตามประสาชาวแคมป์ ดึกหน่อยก็พากันแยกย้ายไปนอน

ลำธารข้างจุดพักแรม พวกเราอาบน้ำกันที่นี่ เย็นสดชื่น

สันเขาที่เดินข้ามมา สีเขียวสดใสเมื่อฝนมา

ลำธารระหว่างเส้นทางเดินมีให้เดินข้ามหลายจุด น้ำใสดี

บริเวณจุดพักแรมคืนแรกครับ

หลังจากกินข้าวเสร็จไปสักพัก โก๊ะก็มาตาม พวกเรา บอกว่าพบทางแล้ว จากนั้นก็พาพวกเราเดินตัดขึ้นเขาไปจนเกือบถึงยอด แล้วก็ตัดลง มาพักหนึ่ง คราวนี้ก็พบทาง ค่อนข้างโล่ง เนื่องจากเป็นด่านของ กะทิงและหมูป่า เราอาศัยเดินไปตามทางนั้น จนประมาณ บ่าย 2 โมงครึ่ง ก็มาพบเส้นทางหลัก เดินสบายหน่อย เส้นทางตัดผ่านป่ากล้วยและลำธารหลายจุด ช่วงสุดท้ายเดินไปตามลำธาร จนกระทั่งมาถึงจุดตั้งแคมป์ของพวกเราซึ่งเป็น เกาะริมหน้าผา ของแอ่งน้ำตกชั้นที่ 3 หลังจากที่เราจัดการกางเปลแล้ว ก็รีบอาบน้ำกันทันที เพราะที่จุดนี้อากาศค่อนข้างเย็นมาก เพราะอยู่ในร่องหุบเขา ที่มีลมพัดกระหน่ำตลอดเวลา แถมมีละอองน้ำตกผสมมาด้วย น้ำที่น้ำตกนี้ เย็นมาก หลังจากอาบน้ำเสร็จเราก็มาช่วยกันทำอาหาร ในไม่ช้าอาหารมื้อค่ำก็มาถึง พวกเราทานข้าวกัน แล้วก็คุยกันเรื่อยเปื่อยและแยกย้ายกันไปนอน ประมาณ เกือบ ตี4 สายฝนได้กระหน่ำลงมา ทำเอาสมาชิกที่นอนใต้ผ้าใบ ต้องรีบลุกขึ้น แยกย้ายไปขึ้นเปลของตัวเองแทบไม่ทัน สายฝนที่ตกลงมานั้น เพียงประมาณครึ่งชั่วโมง ก็หยุดลง พวกเราก็เลยงีบหลับกันต่อไป แต่บรรดาคนนำทางเองก็ยังไม่ได้นอนต่อ เพราะต้องคอยสังเกตระดับน้ำว่าเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างน่ากลัวหรือไม่ เพราะกลัวน้ำป่าจะมา
.